วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประเภทของกฐินในประเทศไทย

การเตรียมงานทอดกฐินราษฎร์
เมื่อเจ้าภาพมีจิตศรัทธาจะทอดกฐิน เบื้องต้นต้องจองกฐินก่อน แจ้งความประสงค์
ให้วัดทราบว่าจะมาทอดกฐินวัดนี้ การจองกฐินควรทาหนังสือเป็นหลักฐาน แต่ถ้าเจ้าภาพกับ
ทางวัดคุ้นเคยกัน จะจองด้วยวาจาก็ได้ พร้อมนัดวันเวลาทาพิธีทอดกฐิน ทาป้ายติดประกาศ
ไว้หน้าวัด ให้พุทธศาสนิกชนรับทราบ จัดเตรียมไตรจีวรเป็นผ้ากฐิน ให้ถูกต้องตามประเภท
ของวัด คือ มหานิกายหรือธรรมยุต เพราะวัดธรรมยุตใช้ผ้าไตร ๒ ชั้น จัดเตรียมบริวารกฐิน
ตามความศรัทธา ก่อนวันทอดกฐิน จะมีพิธีฉลององค์กฐินและมหรสพสมโภชด้วยก็ได้ ขึ้นอยู่
กับเจ้าภาพ
ลาดับพิธีทอดกฐินราษฎร์
ครั้นถึงกาหนดวันทอดกฐิน เจ้าภาพพร้อมญาติมิตรและผู้เข้าร่วมพิธี นาผ้ากฐินและ
บริวารกฐินไปจัดตั้ง ณ สถานที่ตามกาหนด เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ อาราธนาพระสงฆ์
นั่งประจาอาสนะ ประธานหรือเจ้าภาพจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พิธีกรนาบูชาพระรัตนตรัย
อาราธนาศีล รับศีล ถวายผ้าห่มพระประธานมอบให้ไวยาวัจกรนาไปห่มพระประธานต่อจากนั้น
ประธานหรือพิธีกรกล่าวนาถวายกฐินยกผ้ากฐินประเคนพระสงฆ์รูปที่ ๒ ประเคนเทียนสวด
พระปาติโมกข์ (ถ้ามี) พระสงฆ์ประกอบพิธีกรานกฐิน คือ อปโลกน์องค์ครองกฐินฉลองศรัทธาเจ้าภาพ เสร็จแล้วองค์ครองออกไปครองผ้ากฐิน กลับมานั่งตามเดิม ประธานประเคนบริวาร
กฐินแด่องค์ครองกฐิน พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ารับพร เป็นอันเสร็จพิธีพระกฐินหลวง
กฐินหลวง แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ กฐินหลวงกาหนดเป็นงานพระราชพิธี
กฐินต้นและกฐินพระราชทาน
กฐินหลวงกาหนดเป็นงานพระราชพิธี หมายถึง พระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดาเนินไปทอดด้วยพระองค์เอง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์
เช่น พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี นาไปทอดตามพระอารามหลวงสาคัญทั้ง ๑๖ พระอาราม
ในเขตกรุงเทพมหานคร ๑๒ วัด ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเทพศิรินทราวาส วัดเบญจมบพิตร-
ดุสิตวนาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดมกุฏกษัตริยาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดอรุณราชวราราม
วัดราชาธิวาสวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม วัดราชโอรสาราม ในต่างจังหวัด ๔ วัดได้แก่วัดนิเวศธรรมประวัติ วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดพระปฐมเจดีย์
จังหวัดนครปฐม วัดพระศรีรัตน มหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
การเสด็จพระราชดาเนินถวายพระกฐินหลวง
การเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐิน ถือเป็นพระราชภารกิจของพระมหากษัตริย์
โดยตรง ซึ่งในปีหนึ่ง ๆ เมื่อถึงเทศกาลออกพรรษาแล้ว ราษฎรจะพากันไปทอดกฐินตามวัด
ต่าง ๆ พระมหากษัตริย์ก็มีวัดต้องเสด็จ ฯ ไปถวายผ้าพระกฐินด้วยเช่นกัน เรียกกันว่า
พระอารามหลวง มีจานวนมาก แต่ได้มีการสงวนพระอารามหลวงไว้ สาหรับพระมหากษัตริย์
เสด็จพระราชดาเนิน ไปถวายด้วยพระองค์เอง จานวน ๑๖ พระอาราม ดังปรากฏชื่อข้างต้น
การถวายผ้าพระกฐินทั้ง ๑๖ พระอารามนี้ พระมหากษัตริย์มิได้เสด็จพระราชดาเนิน
ไปทรงถวายทุกพระอาราม จะเสด็จพระราชดาเนินไปทรงถวายเพียง ๑ หรือ ๒ พระอาราม
เท่านั้น ส่วนพระอารามที่เหลือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จแทน
พระองค์ หรือให้องคมนตรี นาไปถวายตามพระอารามดังกล่าว
การเตรียมงานพระกฐินหลวง
สานักพระราชวังจะออกหมายกาหนดการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่า พระมหากษัตริย์
เสด็จพระราชดาเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ พระอารามใด วัน เวลาใด สมัยก่อนกาหนด
วันแรม ๖ ค่า เดือน ๑๑ เป็นวันแรกในการเสด็จพระราชดาเนินทอดผ้าพระกฐิน แม้ปัจจุบัน
ก็ยังถือปฏิบัติอยู่ เพื่อให้ทางวัดเตรียมการรับเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐิน พร้อมวาง
ฎีกานิมนต์พระสงฆ์ ในวัดนั้นๆ ลงอนุโมทนากฐินด้วย และในหมายกาหนดการนั้น ถ้าทรง
พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปปฏิบัติราชกิจแทน จะแจ้งนามผู้แทนพระองค์ด้วย
รวมถึงการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ส่วนงานต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีดังกล่าว
เมื่อถึงกาหนดวันเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐิน สานักพระราชวังจะจัดเตรียม
ผ้าพระกฐินพร้อมทั้งเครื่องบริวารกฐินต่าง ๆ นาไปตั้งภายในพระอุโบสถ หรือสถานที่รับผ้า
พระกฐิน เตรียมสถานที่ประทับ เตรียมเครื่องบูชานมัสการ พร้อมทั้งปฏิบัติงานในความ
รับผิดชอบ เช่น ถวายผ้าพระกฐิน ถวายเทียนชนวนรับพระราชทานผ้าห่มพระประธาน ถวาย
พระเต้าน้า คือ อุปกรณ์สาหรับพระมหากษัตริย์ทรงหลั่งทักษิโณทก เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา
เตรียมทาบัญชีพระสงฆ์จาพรรษาในพระอารามนั้น ๆ กราบทูลรายงานจานวนพระสงฆ์ฝ่ายเจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์ เตรียมกังสดาลสาหรับตีให้สัญญาณวงปี่พาทย์ของ
กรมศิลปากร ซึ่งบรรเลงในช่วง องค์ครองกฐินเปลี่ยนผ้าครองใหม่ และเตรียมบุคลากร
ปฏิบัติงานอื่นๆ เช่น รับผ้าจากพระสงฆ์ นาไปครองผ้าใหม่ ขณะพระมหากษัตริย์ทรงประเคน
เครื่องบริวารพระกฐิน ก็รับต่อจากพระสงฆ์ การเสด็จพระราชดาเนินทรงบาเพ็ญพระราชกุศล
ถวายผ้าพระกฐินแต่ละพระอาราม มีกิจกรรมแตกต่างกันออกไป บางพระอารามมีพิธี
สดับปกรณ์ บางพระอารามมีพิธีพระราชทานของที่ระลึกให้แก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศล
บางพระอารามเสด็จพระราชดาเนินทางรถยนต์ เรียกว่า สถลมารค บางพระอารามเสด็จ
พระราชดาเนินทางเรือ เรียกว่า ชลมารค ทั้งนี้ เนื่องด้วยพระราชประเพณีปฏิบัติต่อ
พระอารามนั้นๆ
ระเบียบพิธีถวายพระกฐินหลวง
เมื่อพระมหากษัตริย์ เสด็จพระราชดาเนินถึงพระอารามหลวง ตามหมายกาหนดการ
ของสานักพระราชวัง วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถ
ทรงรับผ้าพระกฐินจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทูลเกล้า ฯ ถวายบริเวณประตูพระอุโบสถ ในขณะนี้
วงปี่พาทย์กรมศิลปากรบรรเลงเพลง ทรงอุ้มประครองผ้าพระกฐิน ทรงวางบนพานแว่นฟ้า
ตั้งอยู่ด้านหน้าพระสงฆ์รูปที่ ๒ ทรงรับเทียนชนวนจากเจ้าหน้าที่สนมพลเรือน ทรงจุดธูปเทียน
เครื่องนมัสการพระรัตนตรัย ทรงคืนเทียนชนวนแก่เจ้าหน้าที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่กอง
ศาสนูปถัมภ์ จะให้สัญญาณ แก่คนตีกังสดาล คนถือกังสดาลจะตี ๑ ครั้ง ปีพาทย์ต้องหยุด
บรรเลงทันที แม้ยังไม่จบเพลง พระมหากษัตริย์ทรงกราบ เสด็จมายังพานแว่นฟ้าประทับยืน
เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายคานับ เข้ารับผ้าห่มพระประธาน อธิบดีกรมการศาสนาถวาย
คานับ กราบทูลรายงานจานวนพระสงฆ์ อยู่จาพรรษา ณ พระอารามนั้น จบแล้วถวายคานับ
พระมหากษัตริย์ทรงอุ้มประคองผ้าพระกฐิน ประนมพระหัตถ์หันไปทางพระประธาน
ในพระอุโบสถ ทรงว่านะโม ๓ จบ หันมาทางชุมนุมสงฆ์ ทรงกล่าวคาถวายผ้าพระกฐิน
จบแล้วทรงวางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า ทรงยกประเคนพระสงฆ์รูปที่ ๒ ต่อด้วยพานเทียน
พระปาติโมกข์ เสด็จไปประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์เริ่มทาสังฆกรรม อปโลกน์ยกผ้าให้
พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เป็นองค์ครองผ้าพระกฐิน พระภิกษุผู้ได้รับเป็นองค์ครองผ้าพระกฐิน
ลงไปครองผ้าพระกฐิน ในขณะนี้วงปี่พาทย์บรรเลงเพลง เมื่อองค์ครองกฐินกลับเข้ามานั่งบน
อาสน์สงฆ์ เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์เคาะกังสดาลให้สัญญาณ วงปี่พาทย์หยุดบรรเลงทันทีลาดับนี้ พระมหากษัตริย์ เสด็จ ฯ จากพระราชอาสน์ ทรงรับเครื่องบริวารพระกฐิน
จากเจ้าหน้าที่ ทรงประเคนประธานสงฆ์จนครบ เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์รับเครื่องบริวาร
พระกฐินจากประธานสงฆ์นาออกไปวางในที่อันควร เมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จฯ ไปประทับ
พระราชอาสน์ เจ้าหน้าที่เชิญพระเต้าน้าเข้าไปถวาย พระสงฆ์ตั้งพัดยศถวายอนุโมทนา ถวาย
อดิเรกจบแล้ว ทรงกราบพระประธาน ทรงลาประธานสงฆ์ เสด็จพระราชดาเนินกลับ เป็น
อันเสร็จพิธี
เนื่องจากพระมหากษัตริย์ ทรงมีพระประสงค์ในการบาเพ็ญพระราชกุศลเป็นกรณี
พิเศษ เพื่อพระราชทานกุศลอุทิศแด่พระราชอุปัชฌายาจารย์ จึงจัดพิธีสดับปกรณ์เกิดขึ้น
ปัจจุบันมีเพียง ๓ พระอาราม คือ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในการประกอบพิธีดังกล่าว ทาหลังถวายผ้าพระกฐินเสร็จ
สาหรับวัดบวรนิเวศวิหาร วัดพระเชตุพนฯ พระสงฆ์สดับปกรณ์จะลงไปครองผ้าพร้อมกับ
องค์ครองกฐิน ส่วนวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แต่เดิมประกอบพิธีสดับปกรณ์ในพระวิหาร
ต่อมาเห็นว่าเป็นการไม่สะดวก จึงอัญเชิญพระอัฐิ สมเด็จพระสังฆราชประกอบพิธีใน
พระอุโบสถแทน พิธีพระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้บริจาค โดยเสด็จพระราชกุศล สุดแต่
พระอารามใดจัดให้มี ต้องกราบทูลให้ทรงทราบเป็นการล่วงหน้า เมื่อถึงวันเสด็จพระราช
ดาเนินถวายผ้าพระกฐิน จะเชิญผู้ให้การอุปถัมภ์วัดเข้ารับพระราชทาน ของที่ระลึก ภายหลัง
การถวายผ้าพระกฐินเรียบร้อยแล้ว
กฐินต้น หมายถึง พระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดาเนิน
ไปทอด เป็นการส่วนพระองค์ ณ วัดราษฎร์ ตามพระราชอัธยาศัย ส่วนใหญ่เป็นวัดในพื้นที่
ต่างจังหวัดไม่เคยเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐินมาก่อนมีประชาชนเคารพศรัทธา
เลื่อมใสมาก และประชาชนท้องถิ่นนั้นไม่ค่อยมีโอกาสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ระเบียบพิธีถวายพระกฐินต้น
พระกฐินต้น วิธีปฏิบัติในการถวายเหมือนกับพระกฐินหลวงเริ่มมีชื่อเรียกตั้งแต่
เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกกัน
โดยเทียบเคียงการเสด็จประพาสบ้าง อาทิ การเสด็จประพาสหัวเมือง พ.ศ. ๒๔๔๗ ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดแบบง่าย ๆ พอพระทัยประทับที่ใด ก็ประทับ ทางหัวเมืองไม่ต้อง
เตรียมสถานที่ประทับไว้ การเสด็จประพาสลักษณะนี้ เรียกว่า เสด็จประพาสต้น คราวหนึ่ง
เสด็จประพาสทางน้า มีรับสั่ง ให้จัดหาเรือมาดมาเพิ่มอีกลาหนึ่ง แจวตามเรือพระที่นั่ง มิให้
ใครรู้จักพระองค์ เรือมาดลานั้น เรียกว่า เรือต้น ดังนั้น พระกฐินที่เสด็จฯ ไปถวายเป็นการ
ส่วนพระองค์ จึงเรียกว่า พระกฐินต้น เหมือนเรียกชื่อเรือมาดลาดังกล่าว แม้ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ปัจจุบัน ก็เคยเสด็จพระราชดาเนินทรงถวายพระกฐิน
ต้นอยู่หลายครั้ง
กฐินพระราชทาน หมายถึง กฐินทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่หน่วยงาน
ราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การ สมาคม มูลนิธิ หรือเอกชน นาไปทอด ณ พระอารามหลวง
ในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดทั่วพระราชอาณาจักร โดยขอรับพระราชทานผ่าน
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อถึงเขตกฐินกาลแล้ว กรมการศาสนารวบรวมบัญชี
รายนามผู้ได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินนาไปถวายพระสงฆ์ ณ พระอารามหลวงทั่ว
พระราชอาณาจักรนั้นนาความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
ขอพระราชทานถวายพระราชกุศลในการถวายผ้าพระกฐินประจาปีต่อไป
พระกฐินพระราชทาน ถวายได้เฉพาะวัดเป็นพระอารามหลวงทั่วประเทศ การขอรับ
พระราชทานและการดาเนินการต่าง ๆ อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศาสนา เช่น การรับจอง
การจัดหาผ้าพระกฐินและเครื่องบริวาร การทาบัญชีรายนามผู้ขอรับพระราชทาน การทาบัญชี
เงินทอดกฐิน การกราบทูลถวายพระราชกุศล รวมถึงงานธุรการต่าง ๆ พระกฐินพระราชทานนี้
ทางการจะจัดเครื่องพระกฐินมอบแก่ผู้ขอรับพระราชทาน ๑ ชุดต่อ ๑ พระอาราม เมื่อรับไป
แล้ว เจ้าภาพจะไปจัดหาบริวารพระกฐินอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็ได้ แต่ไม่นิยมให้จัดหาในลักษณะ
การเรี่ยไร ผู้ขอรับพระราชทานต้องประสานกับทางวัด ถึงวันเวลา ในการไปทอดให้แน่นอน
เพื่อทางวัดจะได้เตรียมความพร้อมในการรับพระกฐินและสมพระเกียรติพระมหากัตริย์
การเตรียมงานกฐินพระราชทาน
การทอดกฐินพระราชทาน ควรทอดหลังวันเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐิน
ของพระมหากษัตริย์ ๑ วัน เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จะเตรียมการถวายกฐินพระราชทาน
ตั้งแต่จัดโต๊ะถวายราชสักการะ วางผ้าพระกฐินหน้าพระอุโบสถ ตั้งโต๊ะหัวอาสน์สงฆ์
หน้าพระสงฆ์รูปที่ ๒ วางพานแว่นฟ้าเปล่าและพานเทียนพระปาติโมกข์บนโต๊ะนั้น เตรียม

ธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมเทียนชนวน ชุดกรวดน้า เครื่องบริวารพระกฐิน และไทยธรรมสาหรับถวายพระสงฆ์ทั่วไป นาไปวางภายในพระอุโบสถ ท้ายอาสน์สงฆ์ จนเป็น
ที่เรียบร้อย
ระเบียบพิธีถวายกฐินพระราชทาน
เมื่อถึงเวลาตามกาหนด ประธานพิธีเดินทางถึงพระอุโบสถ เข้าไปยังโต๊ะวางผ้า
พระกฐิน ทาความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ เปิดกรวยดอกไม้
ทาความเคารพอีกครั้งหนึ่ง ยกผ้าไตรอุ้มขึ้นประคอง ยืนตรง ดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญ
พระบารมี จบแล้วเดินเข้าสู่พระอุโบสถ วางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า หน้าพระสงฆ์รูปที่ ๒
รับเทียนชนวนจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง มายังโต๊ะวางผ้า
พระกฐิน หยิบผ้าห่มพระประธานมอบให้ไวยาวัจกร อุ้มประคองผ้าพระกฐิน ประนมมือหัน
ไปทางพระประธาน ว่านะโม ๓ จบ หันมาทางชุมนุมสงฆ์ กล่าวคาถวายผ้าพระกฐิน จบแล้ว
วางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า ประเคนพระสงฆ์รูปที่ ๒ต่อด้วยพานเทียนพระปาติโมกข์
ไปนั่ง ณ สถานที่จัดเตรียมไว้ พระสงฆ์กระทา อปโลกนกรรมและญัตติทุติยกรรม องค์ครอง
กฐินลงไปครองผ้าใหม่ กลับมานั่งบนอาสน์สงฆ์ ประธานรับบริวารพระกฐินถวายองค์ครอง
กฐินผู้มาร่วมพิธีถวายไทยธรรมพระสงฆ์ครบทุกรูปเจ้าหน้าที่ประกาศยอดเงินบารุงพระอาราม
ประธานประเคนใบปวารณา พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานกรวดน้าถวายเป็นพระราชกุศล
พระสงฆ์ถวายอดิเรก ขณะพระสงฆ์ถวายอดิเรก ไม่ต้องประนมมือ ลดมือลง เพราะการถวาย
อดิเรกเป็นการถวายพระพรแด่พระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ เมื่อพระสงฆ์รูปที่ ๒ รับภวตุ
สัพพะมังคะลัง จึงประนมมือรับพรต่อไป จบแล้วกราบพระประธานในพระอุโบสถ กราบลา
พระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี
กฐินพระราชทานเป็นกรณีพิเศษ
นอกจากกฐินพระราชทานดังกล่าวแล้ว ในปัจจุบันมีกฐินพระราชทาน ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ เป็นกรณีพิเศษ เพิ่มขึ้นอีก ๒ ประเภท คือ
๑. กฐินพระราชทานแก่วัดไทยในต่างประเทศ คือ กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชทานแก่วัดไทยในต่างประเทศ จานวน ๒๐ วัด เป็นประจาตลอดไป โดยเจ้าภาพ
ไม่ต้องทาเรื่องกราบทูลขอพระราชทานทุกปี เหมือนกฐินพระราชทานสาหรับพระอารามหลวงในประเทศ กรมการศาสนา จะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาผ้าไตรพระราชทาน มอบแก่เจ้าภาพ
กฐินเพื่อดาเนินการถวายตามวัดได้รับพระราชทานต่อไป
๒. กฐินที่พระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานหรือประทานแก่ผู้ขอรับไปทอดตาม
วัดราษฎร์ ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร ปัจจุบันจะมีผู้ขอรับพระราชทานหรือขอรับประทาน
ไปทอดหลายวัด เป็นการเพิ่มพูลพระราชกุศลโดยยิ่งขึ้นไป
ระเบียบพิธีถวายผ้าพระกฐินทั้ง ๒ ประเภทดังกล่าว ปฏิบัติเช่นเดียวกับการทอดกฐิน
พระราชทาน สามารถปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะแก่สถานที่และโอกาส โดยอนุโลม

ความเป็นมาของประเพณีการทอดกฐิน

ความเป็นมาของประเพณีการทอดกฐิน
พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกระดับชั้น ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์
ขุนนาง ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ถือกันว่าการถวายผ้ากฐินหรือทอดกฐิน เป็นบุญใหญ่
มีอานิสงส์มาก ทั้งเป็นการทานุบารุงพระพุทธศาสนาอีกส่วนหนึ่ง จึงได้มีการจัดพิธีถวาย
ผ้ากฐินเป็นงานใหญ่ ทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ดังความ
ในศิลาจารึกว่า
“คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุนรามคาแหง
เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ ชาวเจ้า ทั้งท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุนทั้งสิ้นทั้งหลาย
ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน เมื่อออก
พรรษาเดือนหนึ่งจึงแล้ว เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย พนมหมาก มีพนมดอกไม้ มีหมอนนั่ง
มีหมอนนอน บริพารกฐินโอยทาน แล่ปีแล้ญิบล้าน ไปสวดญัตติกฐิน ถึงอรัญญิกพู้น
เมื่อจะเข้ามาเวียง เรียงกันแต่อรัญญิกพู้น เท้าหัวลานดาบงดากลอย ด้วยเสียงพาทย์
เสียงพิณ เสียงเลื่อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน เลื่อน
เมืองสุโขทัยนี้มีสี่ปากประตูหลวง เทียนญอมคนเสียดกันเข้าดูท่านเผาท่านเทียนเล่นไฟ
เมืองสุโขทัยนี้ดังจักแตก”
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ประเพณีการทอดกฐินนี้ได้ปฏิบัติ
สืบต่อกันมา มิได้ขาดทั้งเป็นของประชาราษฎร์และของหลวงกระทั่งเลยล่วงมาถึงสมัย
รัตนโกสินทร์ ถือเป็นงานบุญงานกุศลยิ่งใหญ่ นอกจากมีผ้าเป็นองค์กฐินแล้วจัดเครื่องบริวาร
กฐินเพิ่มอีกมาก เช่น บาตร ที่นอน หมอน มุ้ง กาน้าชา กระติกน้าร้อนกระเป๋า ชาม ช้อน
และเครื่องมือโยธา เช่น ค้อน เลื่อย สิ่ว ตะไบ คีม กบไสไม้ ไม้กวาด สรุปคือ เครื่องกิน
เครื่องใช้ เครื่องมือ ครบบริบูรณ์พร้อมจตุปัจจัยไทยธรรมถวายร่วมกับองค์กฐินพิธีทอดกฐิน
แต่ละวัดเจ้าภาพนิยมเชิญญาติมิตรและผู้เคารพนับถือไปร่วมอนุโมทนาบุญโดยทั่วกัน
ในศาสนพิธีนี้ จะนากฐินราษฎร์มากล่าวเป็นลาดับแรก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว
ชาวพุทธ ทุกคนเคยไปร่วมพิธีทอดกฐินกันโดยมากส่วนกฐินหลวงจะกล่าวในลาดับถัดไปกฐินราษฎร์
กฐินราษฎร์แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คือ มหากฐินและจุลกฐิน
มหากฐิน เป็นกฐินส่วนบุคคล เจ้าภาพเป็นคหบดี มีศรัทธาออกทุนทรัพย์ของตน
และครอบครัวเป็นหลักในการทอดกฐิน นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า กฐิน แต่ถ้าผู้มีจิตศรัทธาหลาย
คนร่วมกันออกทุนทรัพย์และร่วมกันทอดกฐิน เรียกว่า กฐินสามัคคี
การทาบุญกฐินก่อให้เกิดอานิสงส์ทั้งแก่ ผู้ทอดและพระสงฆ์ สาหรับพระสงฆ์ จะได้รับ
อานิสงส์ตามพระวินัยว่า พระภิกษุกรานกฐินแล้ว สามารถเที่ยวไปไม่ต้องบอกล ไม่ต้องถือ
ไตรจีวรครบสารับ ฉันอาหารคณโภชน์ปรัมปรโภชน์ได้ ใช้สอยอดิเรกจีวรเก็บจีวรส่วนเกิน
ได้ตามปรารถนา เมื่อมีลาภเกิดขึ้นในวัดตกเป็นของพระภิกษุผู้จาพรรษกาลและกรานกฐิน
แล้ว สาหรับเจ้าภาพทอดกฐินเชื่อกันว่าได้บุญมาก เพราะในปีหนึ่งมีเพียงฤดูกาลเดียวคือ
ฤดูกาลทอดกฐินเท่านั้น เป็นผลให้เจ้าภาพมีจิตใจแจ่มใสอิ่มในบุญกุศลนอกจากนี้ยังสามารถ
ขจัดความโลภในใจทางอ้อมอีกด้วย
ประเพณีการทอดกฐิน หลังจากทอดกฐินเสร็จแล้ว เจ้าภาพนิยมปักธงรูปจระเข้
ไว้ตามวัด เพื่อเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่า วัดนี้มีคนทอดกฐินแล้ว การปักธงรูปจระเข้เป็นสัญลักษณ์
ในเทศกาลทอดกฐิน มีตานานเล่าขานไว้ ๒ ทางด้วยกัน
เรื่องแรกเล่าว่า สมัยก่อน การเดินทางต้องอาศัยดูดาวเป็นสาคัญ เช่น ยกทัพตอน
ใกล้รุ่ง ต้องดูดาวจระเข้ขึ้นตอนใกล้รุ่ง การทอดกฐินก็เหมือนกัน มีการตระเตรียมมาก
บางครั้งไปทอดตามวัดไกลบ้าน ต้องเดินทางไกล ฉะนั้น การดูเวลาต้องอาศัยดูดาว พอดาว
จระเข้ปรากฏบนฟ้า ก็เคลื่อนองค์กฐินไปสว่างที่วัดพอดี ต่อมามีผู้คิดทาธงในงานกฐิน ชั้นต้น
คงทาธงทิวประดับให้งาม ภายหลังหวังใช้เป็นเครื่องหมายทอดกฐิน จึงทาเป็นธงรูปจระเข้ขึ้น
อีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า ในการแห่กฐินทางเรือของอุบาสกคนหนึ่ง จระเข้ตัวหนึ่งอยากได้
บุญ อุตสาห์ว่ายน้าตามเรือไปด้วย แต่ยังไม่ทันถึงวัดหมดกาลังก่อนว่ายตามต่อไปไม่ไหวจึง
ร้องบอกอุบาสกว่าตนไม่สามารถว่ายตามไปร่วมการกุศลต่อไปได้ ช่วยเขียนรูปของตนเป็น
สักขีพยานว่า ได้ไปร่วมการกุศลด้วย อุบาสกนั้น จึงได้เขียนรูปจระเข้ยกเป็นธงขึ้นในวัดเป็น
ครั้งแรก ภายหลังมีการทาธงรูปจระเข้ปักในงานกฐินสืบต่อกันมา
จุลกฐิน เป็นกฐินอย่างหนึ่ง พุทธศาสนิกชนทากันขึ้นมาเป็นพิเศษ ต่างจากกฐิน
ทั่วไป กล่าวคือเริ่มตั้งแต่เก็บฝ้ายมาปั่นทอเป็นผืนกะตัดเย็บย้อมทาเป็นผ้ากฐินให้เสร็จ
ในวันเดียว จุลกฐิน จึงหมายถึง ผ้าทาสาเร็จมาจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบางท้องถิ่นเรียกว่ากฐินแล่น แปลว่ารีบด่วน เพราะจุลกฐินต้องเร่งทาให้เสร็จภายในวันนั้น มักทาในระยะจวน
หมดเขตการทอดกฐิน เช่น ในวันขึ้น ๑๔ ค่า ๑๕ ค่า เดือน ๑๒
กฐินอีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า กฐินโจร หรือ กฐินโจล เป็นกฐินที่พุทธศาสนิกชน
ทาขึ้น ในวันจวนจะหมดเขตกฐินกาล ราววันขึ้น ๑๔ ค่า ๑๕ ค่า เดือน ๑๒ ด้วยการสืบหาวัด
ยังไม่ได้รับการทอดกฐิน และจัดหาผ้ากฐินไปทอด เรียกว่า กฐินตก กฐินตกค้าง หรือ กฐินโจร
เพราะเป็นวัดตกค้างไม่มีผู้ใดมาทอดกฐิน ตามธรรมดาการทอดกฐิน ต้องบอกกล่าวพระภิกษุสงฆ์
ในวัดนั้นให้ทราบล่วงหน้าจะได้เตรียมการต้อนรับและเพื่อมิให้มีการทอดกฐินซ้า แต่กฐินโจร
ไม่มีการบอกล่วงหน้า จู่ ๆ ก็นาไปทอดเลย เป็นการจู่โจมไม่ให้พระสงฆ์รู้ล่วงหน้า เหมือนการ
ปล้นของโจร ส่วนวิธีการทอดนั้น เหมือนการทอดกฐินทั่วไป เจ้าภาพกล่าวคาถวายผ้ากฐิน
ถวายบริวารกฐิน พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ารับพร เป็นอันเสร็จพิธี การทอดกฐินด้วยวิธีนี้
ถือกันว่ามีอานิสงส์มากกว่ากฐินอื่น เพราะเป็นการอนุเคราะห์พระสงฆ์ให้มีโอกาสกรานกฐิน
ตามพระวินัย

ความหมายและเหตุเกิดการทอดกฐิน

ความหมายและเหตุเกิดการทอดกฐิน
กฐิน เป็นภาษามคธ แปลว่า ไม้สะดึง คือ กรอบไม้สาหรับขึงผ้าให้พระภิกษุตัดเย็บ
จีวรได้สะดวกขึ้น เนื่องจากสมัยก่อน เครื่องมือใช้เย็บผ้าไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน การเย็บ
จีวรเป็นการเย็บผ้าหลาย ๆ ชิ้นต่อกัน และประสานกันให้มีรูปเหมือนกระทงนา จึงต้องอาศัย
ไม้สะดึงช่วยในการขึงผ้าให้ตึง ดังนั้น ผ้าที่เย็บโดยอาศัยไม้สะดึงนี้ จึงเรียกว่า ผ้ากฐิน และ
ยังใช้เรียกผ้ากฐิน ตามความหมายเดิมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีผ้าตัดเย็บสาเร็จรูป
โดยไม่ต้องอาศัยไม้สะดึง ก็ตาม นอกจากนี้ คาว่า กฐิน ยังมีความหมายแตกออกไปอีก
หลายอย่าง พอสรุปได้ ดังนี้
๑. เป็นชื่อของกรอบไม้สะดึง สาหรับขึงผ้าตัดเย็บสังฆาฏิ จีวร สบง ของพระสงฆ์
๒. เป็นชื่อของผ้าถวายแก่สงฆ์ เรียกว่า ผ้ากฐิน
๓. เป็นชื่อสังฆกรรมในพิธีรับกฐิน เรียกว่า กฐินกรรม
๔. เป็นชื่อช่วงเวลาตั้งแต่แรม ๑ ค่า เดือน ๑๑ ถึงขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๑๒ เรียกว่า
กฐินกาล
เรื่องกฐิน เดิมเป็นของสงฆ์โดยเฉพาะ ภิกษุสงฆ์ต้องไปหาผ้ามาจากสถานที่ต่าง ๆ
ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของด้วยวิธีบังสุกุลนาผ้านั้นมาเย็บย้อมใช้สอยเองต่อมาพุทธศาสนิกชนมี
จิตศรัทธานาผ้ามาถวาย พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตผ้าที่พุทธศาสนิกชนนามาถวายและให้
กรานเป็นกฐินได้ เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน ได้บาเพ็ญกุศลการทอดกฐินสืบมาตามลาดับคาว่า ทอด คือ นาไปวาง การทอดกฐิน จึงหมายถึง การนาผ้ากฐินไปวางต่อหน้า
พระสงฆ์จานวนอย่างน้อย ๕ รูป โดยมิได้ตั้งใจถวายพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเป็นการเฉพาะ
ในพระไตรปิฎก ตอนว่าด้วยกฐินขันธกะ ได้กล่าวมูลเหตุการทอดกฐินไว้ว่า
สมัยหนึ่งพระภิกษุชาวเมืองปาฐา ๓๐ รูป ประสงค์จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับ
อยู่ณพระวิหารเชตวันซึ่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายประจาเมืองสาวัตถีชวนกัน
เดินทางมา พอถึงเมืองสาเกต ห่างจากเมืองสาวัตถี ๖ โยชน์ (๙๖ กิโลเมตร) จวนถึงวัน
เข้าพรรษาจะเดินทางต่อไปก็ไม่ทันจึงต้องจาพรรษาที่เมืองสาเกตระหว่างจาพรรษาก็ร้อนใจ
จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อออกพรรษาปวารณาแล้วรีบเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทันที
ขณะนั้นฝนยังตกชุกอยู่พื้นดินเต็มไปด้วยน้าหล่มเลนทาให้จีวรเปรอะเปื้อนพอมาถึงเมืองสาวัตถี
ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธองค์ตรัสถามถึงการเดินทางและความยากลาบากอื่น ๆ
ภิกษุเหล่านั้นทูลให้ทรงทราบถึงความกระวนกระวายจะมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์และรีบเดินทาง
มาจนจีวรเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม พระพุทธองค์ทรงยกขึ้นเป็นเหตุและมีพุทธานุญาต
ให้มีการถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นบุคคล
แรกในพระพุทธศาสนา ขอรับเป็นเจ้าภาพผ้ากฐินถวายพระภิกษุชาวเมืองปาฐาทั้ง ๓๐ รูป
เหล่านั้น
ประเภทของกฐิน
กฐิน แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ๒ ประเภท คือ
๑. กฐินหลวง คือ กฐินพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดาเนินไปทอดถวายด้วย
พระองค์เอง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานแก่ผู้ขอรับพระราชทาน
นาไปทอด ณ พระอารามหลวงต่าง ๆ ทั่วประเทศ
๒. กฐินราษฎร์ คือ กฐินผู้มีจิตศรัทธานาไปทอด ณ วัดราษฎร์
คุณสมบัติของวัดรับกฐินได้
๑. มีพระภิกษุจาพรรษาอย่างน้อย ๕ รูป
๒. พระภิกษุต้องอยู่จาพรรษาครบไตรมาสหรือ ๓ เดือน